NATURE & FARM

เอปสัน ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 33 ปี จัดกิจกรรมยับยั้งไฟป่า

เอปสัน ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 33 ปี จัดกิจกรรมยับยั้งไฟป่า

พร้อมถวายต้นไม้ 333 ต้นให้แก่วัด

Posted on: Apr 18, 2024

ทุกวันนี้ ‘ความยั่งยืน’ กลายเป็นประเด็นที่มีน้ำหนักและถูกยอมรับอย่างมากในสังคมโลกว่าเป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านอีกต่อไปไม่ได้

หลายประเทศรวมถึงไทยนำมาใช้กำหนดนโยบายของชาติ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน SDGs เช่นเดียวกับองค์กรน้อยใหญ่จากหลากหลายแวดวงธุรกิจที่พยายามผลักดันความยั่งยืน ผ่านสินค้าบริการ กิจกรรมการตลาด รวมถึงวัฒนธรรมและแนวทางการทำธุรกิจขององค์กร และหนึ่งในบริษัทที่มีดีเอ็นเอของความยั่งยืนอันโดดเด่นก็คือ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมการพิมพ์และการฉายภาพ

ไซโก้ เอปสันดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรกเริ่มธุรกิจ จนเป็นบริษัทแรกของโลกที่กำจัดสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซนออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมดได้ และเข้าสนับสนุน SDGs ในเวลาต่อมา ล่าสุดเดือนธันวาคม 2566 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศญี่ปุ่นที่สามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100% ดีเอ็นเอแห่งความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมนี้ได้ส่งต่อไปยังเอปสันที่กระจายอยู่ทั่วโลก แน่นอนที่สุด เอปสัน ประเทศไทย ก็รวมอยู่ด้วย

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สภาพแวดล้อมของโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับผลกระทบเชิงลบมากมายและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะนิ่งนอนใจได้ เอปสัน ประเทศไทยที่เป็นสาขาลูกของไซโก้ เอปสัน ได้ขานรับ ‘Environmental Vision 2050’ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาวขององค์กร และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อน SDGs ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะข้อที่ 13 ว่าด้วยการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชั่นการพิมพ์ที่ช่วยลดการปล่อย CO2 และประหยัดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจกรรมซีเอสอาร์อย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อกระตุ้นการรับรู้และจิตสำนึกในทุกกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดซัพพลายเชนของบริษัทฯ

เรากำลังอยู่ในทศวรรษที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ได้เห็นผลกระทบที่รุนแรงขึ้นเกิดบ่อยขึ้นกับชีวิตผู้คนจำนวนมากขึ้น บริษัทฯ จึงพยายามมาโดยตลอดที่จะสื่อสารกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริโภค องค์กรลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ สื่อมวลชน รวมถึงชาวเอปสันเอง ถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมการปลูกปะการังเทียมและการทำซั้งในทะเล เพื่อใช้เป็นแหล่งอาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งหลบภัยของสัตว์น้ำ หรืองานสัมมนาให้ความรู้นักศึกษาและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจบนความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม หรือกิจกรรมรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกและการรีไซเคิลขยะพลาสติก เป็นต้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดกับประเทศไทยทุกๆ ปี ก็คือ ไฟป่า ซึ่งทำลายทรัพยากรป่าไม้ปีละเป็นหมื่นๆ ไร่ สร้างปัญหาฝุ่นควันและอากาศที่ร้อนขึ้นในหลายจังหวัด เอปสัน ประเทศไทยต้องการมีส่วนช่วยขยายเสียงสะท้อนถึงปัญหาที่ทำลายทั้งสุขภาพของคนไทย เศรษฐกิจและธรรมชาติของประเทศ จึงได้จัดแคมเปญซีเอสอาร์ในปีที่ผ่านมา ในชื่อ ‘33 x Trees’ เพื่อสื่อถึงปีที่ 33 ของเอปสันในประเทศไทย และความตั้งใจที่จะช่วยรักษาผืนป่าของประเทศไทย โดยชูประเด็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่สูญเสียไปจากไฟป่านายยรรยง กล่าว

แคมเปญดังกล่าวจะเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานเอปสันและครอบครัว รวมถึงสื่อมวลชน ในกิจกรรมเชิงปฏิบัติ เริ่มด้วยเรื่องจริงของคนตีไฟที่ได้รับความอนุเคราะห์จากสถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดไฟป่าและปัญหาผลกระทบ วิธีการป้องกันไฟป่า ทั้งยังได้ประสบการณ์ฝึกดับไฟจริงโดยมีเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเป็นพี่เลี้ยง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้บริจาคอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำภารกิจการควบคุมไฟป่าภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น กระเป๋าเดินป่า หม้อสนาม หัวแก๊สหุงต้มสนาม พร้อมแก๊สกระป๋อง ถุงเท้าข้อยาว และพาวเวอร์แบงค์

กิจกรรมนี้ทำให้เราสัมผัสถึงความยากลำบากและความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าที่ต้องลาดตระเวนและดับไฟป่าที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อตลอดระยะเวลา 7-8 เดือนต่อปี เพราะตั้งแต่ตุลาคมยาวไปถึงพฤษภาคมอีกปีจะเป็นช่วงระวังไฟป่า และในแต่ละปีก็มีผืนป่าทั่วประเทศเสียหายจากไฟป่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุให้เกิดไฟป่าเกือบทั้งหมดมาจากฝีมือมนุษย์ และกว่าจะฟื้นฟูผืนป่าเหล่านี้ได้ต้องใช้เวลานานกว่าที่ป่าถูกเผาไปหลายสิบเท่า การป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และการป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกันคน

ต่อมาคือพิธีบวชป่าลับแลที่ได้นำคณะพนักงานและสื่อมวลชนร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีบวชป่าครั้งแรกของป่าชุมชนเขาขลุง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ทั้งยังได้ปลูกต้นสักเพิ่มให้กับเขาลูกนี้ โดยเอปสันเลือกป่าแห่งนี้ เพราะเป็นตัวอย่างของป่าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกทำให้เสื่อมโทรมและได้ถูกฟื้นฟูกลับมาจนอุดมสมบูรณ์อีกครั้งด้วยฝีมือของมนุษย์

กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ใหญ่และชาวหมู่บ้านสระสี่มุม ซึ่งได้เล่าว่าป่านี้มีตำนานหมู่บ้านลับแลที่เล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วคน ในอดีตชาวบ้านขึ้นมาตัดไม้ ล่าสัตว์ เผาป่า และจับจองพื้นที่ทำไร่ ทำให้ผืนป่าลดลง เขาขลุงจึงเปลี่ยนสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น จนในปี 2530 ถึงได้เริ่มมีการฟื้นฟู ชาวบ้านได้ทำข้อตกลงร่วมกันในการหยุดตัดไม้และปล่อยให้ป่าฟื้นตัวตามธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกันปลูกต้นไม้พันธุ์ต่างๆ มาตลอด จนป่าฟื้นคืนสภาพและได้ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนในปี 2562 ปัจจุบัน ป่าเขาขลุงเป็นทั้งถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่า เป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้ของชุมชน ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพที่หลายสถาบันมาศึกษากันไม่ขาด

เอปสันยังเลือกจัดกิจกรรมที่ป่าเขาขลุง โดยอ้างอิงจากผู้ใหญ่บ้าน ป่าแห่งนี้ยังไม่เคยมีพิธีบวชป่า อย่างน้อยก็ในช่วงสามถึงสี่ชั่วอายุคน ซึ่งพิธีบวชป่าเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพุทธที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อเป็นกุศโลบายให้ผู้คนรู้จักคุณค่าและความสำคัญของป่า ด้วยการสร้างความเชื่อที่ว่าผืนป่าที่ผ่านพิธีบวชเช่นเดียวกับการบวชพระและต้นไม้ที่ถูกห่มด้วยจีวรจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษา จะถูกผู้ใดมาบุกรุกทำลายไม่ได้ เมื่อคนไม่กล้าตัด ต้นไม้ก็จะเติบโตขึ้นเป็นป่าต่อไป กิจกรรมนี้จะช่วยเพิ่มความสำคัญให้กับป่าเขาขลุงและเพิ่มโอกาสที่ป่านี้จะอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สุดท้ายคือคาราวานสังฆทานต้นไม้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ที่จังหวัดลำปาง บริษัทฯ ได้จัดขบวนรถม้าพาพนักงานและคณะสื่อมวลชนจากสถานีรถไฟนครลำปาง ซึ่งเป็นจุดที่รถม้าคันแรกเดินทางมาถึงและเริ่มออกวิ่งที่เมืองลำปางเมื่อ 108 ปีที่แล้ว มุ่งหน้าไปยังวัดเก่าแก่ 3 วัด ได้แก่ วัดศรีรองเมือง วัดไชยมงคล และวัดศรีชุม เพื่อร่วมกันถวายต้นกล้าพะยูงจำนวน 333 ต้น เป็นพุทธบูชา ให้แก่วัดนำไปปลูกและแจกจ่ายญาติโยมต่อไป พร้อมประกอบพิธีและประเพณีสำคัญประจำแต่ละวัด เช่นพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีที่วัดไชยมงคล และการห่มพระธาตุที่วัดศรีชุม โดยความเชื่อมโยงของวัดทั้งสามอยู่ที่การเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นโดยคหบดีชาวพม่าที่เข้ามาทำป่าไม้ทั้งสิ้น และต้องการสร้างวัดเพื่อเป็นพุทธบูชาและขอขมาที่ได้ทำลายบ้านของรุกขเทวดา

นอกจากกิจกรรมลงพื้นที่แล้ว เอปสัน ประเทศไทยยังได้เชิญอาจารย์วัธนา บุญยังนักเขียนแนวพงไพรที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย เจ้าของผลงานเขียนทั้งสารคดี นวนิยาย เรื่องสั้น ที่ได้รวมเล่มตีพิมพ์มากถึง 47 เล่ม มาแบ่งปันเรื่องราวจากพงไพร ประสบการณ์การท่องป่า และความเชื่อและสิ่งลี้ลับ ในสารคดีชุด ‘Tale from the Wild’

แคมเปญ ‘33 x Trees’ เป็นชุดความพยายามของเอปสัน ประเทศไทยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของไซโก้ เอปสัน ในการเป็นองค์กรที่ปล่อย CO2 เป็นลบ และยุติการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2050 พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต ตัวผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และตลอดซัพพลายเชน โดยบริษัทฯ จะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพและมีจุดยืนเดียวกัน เพื่อกระตุ้นความตระหนักรู้และสร้างอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเอปสันให้ได้มากที่สุดนายยรรยง กล่าว

 

Share :

Related Posts